ก.แรงงาน นัดถกพนักงานตรวจแรงงานอาเซียน ยกระดับการตรวจแรงงานภาคประมง
...........................................................
กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน จัดประชุมวิชาการว่าด้วยการตรวจแรงงานอาเซียนครั้งที่ 8 (The 8th ASEAN Labour Inspection Conference) ระดมความคิดเห็นเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานจากประเทศสมาชิกอาเซียน ยกระดับความร่วมมือการตรวจแรงงานภาคประมง 18 ถึง 19 ธันวาคมนี้ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ณ โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค กรุงเทพฯ
นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กำหนดจัดการประชุมวิชาการว่าด้วยการตรวจ แรงงานอาเซียนครั้งที่ 8 (The 8th ASEAN Labour Inspection Conference) ขึ้น ภายใต้หัวข้อ “การสร้างงานที่มีคุณค่าในภาคประมงผ่านการตรวจแรงงานในอาเซียน" การประชุมดังกล่าวจะเป็นการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ นวัตกรรม และประสบการณ์ที่เกี่ยวกับการตรวจแรงงานในภาคประมงระหว่างผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมตรวจแรงงานระหว่างประเทศ ประเทศโปรตุเกส ผู้แทนองค์การแรงงานระหว่างประเทศ ผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งจากภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง เพื่อร่วมกันกำหนดแนวทางในการพัฒนาการตรวจแรงงานในภาคประมงและแนวปฏิบัติในห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมทั้งจะได้ร่วมกันกำหนดแนวทางในการประสานความร่วมมือระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานและภาคประชาสังคมในภูมิภาคเพื่อให้แรงงานในภาคประมงได้รับการคุ้มครองอย่างเป็นธรรมและได้ทำงานที่มีคุณค่า โดยที่ประชุมจะนำสาระสำคัญที่ได้จากการแลกเปลี่ยนมาดำเนินการจัดทำข้อเสนอแนะเพื่อการสร้างงานที่มีคุณค่าในภาคประมงผ่านการตรวจแรงงานในอาเซียนเพื่อเสนอที่ประชุมคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียนพิจารณาประกอบการจัดทำแผนงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายอภิญญา กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมวิชาการว่าด้วยการตรวจแรงงานอาเซียน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีการประชุมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและเครือข่ายด้านแรงงานของอาเซียน ในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และแนวปฏิบัติที่ดี เกี่ยวกับการจัดทำและพัฒนาระบบการตรวจแรงงานของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อให้มีการดำเนินการเป็นไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับมาตรฐานแรงงานสากล รวมทั้งพัฒนาศักยภาพเครือข่ายเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานในภูมิภาคอาเซียน การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายใต้แผนงานคณะทำงานเจ้าหน้าที่อาวุโสแรงงานอาเซียน (ASEAN Senior Labour Official Meeting Working Group: SLOM-WG พ.ศ. 2559– 2563) โดยประเทศสมาชิกอาเซียนหมุนเวียนผลัดกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมตามความสมัครใจ สำหรับการประชุมวิชาการว่าด้วยการตรวจแรงงานอาเซียนครั้งที่ 8 ในวาระที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 ได้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-19 ธันวาคม 2562 โดยมี หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานเป็นประธานในพิธีเปิดและกล่าวต้อนรับผู้ข้าร่วมประชุม ณ โรงแรมเซ็นจูรี่พาร์ค กรุงเทพฯ
ก.แรงงาน ลงพื้นที่สอบข้อเท็จจริง พร้อมช่วยเหลือลูกจ้างเหตุผนังปูนล้มทับ
----------------------------------------------------
รัฐมนตรีว่ากระทรวงแรงงาน สั่งหน่วยงานเกี่ยวข้องลงพื้นที่ติดตามกรณีผนังปูนก่อสร้างอาคารถล่มทับลูกจ้างบาดเจ็บ 1 รายและเสียชีวิต 1 ราย เผยเร่งสอบนายจ้าง พร้อมช่วยเหลือลูกจ้างตามสิทธิ
หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน ขอแสดงความเสียใจกับญาติพี่น้องและครอบครัวของลูกจ้างที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์แผ่นผนังปูนสำเร็จรูปล้มทับเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับรายงานได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงานลงพื้นที่ทันทีเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือให้ลูกจ้างได้รับสิทธิตามกฎหมาย
ด้านนายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า สถานที่เกิดเหตุเป็นการก่อสร้างหมู่บ้านเอเวอซิตี้ หมู่ที่ 5 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีบริษัท พรีคาสท์ ดีดี จำกัดเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอาคารที่พักอาศัย 2 ชั้นให้กับโครงการ ซึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้เกิดจากแผ่นผนังปูนสำเร็จรูปหนักประมาณ 4 ตันที่ใช้กั้นห้องบริเวณชั้น2ของอาคารที่กำลังก่อสร้างซึ่งไม่ได้ใช้ปูนประสาน และไม่ได้เจาะยึดเหล็กล็อกกับแผ่นผนังปูน เมื่อมีลมพัดแรง มาปะทะแผ่นผนังปูนทำให้เหล็กค้ำยันรับน้ำหนักไม่ไหวจึงเกิดการงอตัวส่งผลให้แผ่นผนังปูนล้มลงมาทับลูกจ้างเป็นเหตุให้นาย Hoevrng Vuth อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บ และนาย Siht Mao อายุ 36 ปี เสียชีวิต ซึ่งทั้งสองรายเป็นลูกจ้างชาวกัมพูชา ทั้งนี้ จากเหตุดังกล่าวกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจะเข้าไปดูแลในเรื่องมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการทำงาน จึงได้มีหนังสือเชิญให้นายจ้างมาพบในวันที่ 9 ธันวาคม 2562 เพื่อสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติมและตรวจสอบว่านายจ้างมีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากพบว่านายจ้างไม่ปฏิบัติตามก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
กสร. เผยผลสอบนายจ้างเครนถล่ม พบผิดกฎหมายความปลอดภัย
…………………………………………………………………………………………………………………
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เผยผลสอบข้อเท็จจริงนายจ้างก่อสร้างเครนถล่มย่านป้อมปราบศัตรูพ่าย พบไม่ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย เตรียมส่งหลักฐานดำเนินคดี พร้อมสั่งเจ้าหน้าที่ปูพรมตรวจกิจการก่อสร้างป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ
นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุเครนก่อสร้างย่านป้อมปราบศัตรูพ่ายถล่มจนเป็นเหตุให้ลูกจ้างได้รับบาดเจ็บว่า จากการสอบข้อเท็จจริงบริษัท ปิยะวัฒน์คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้รับเหมา พบว่า ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 มาตรา 14 คือไม่ได้จัดทำและแจกคู่มือปฏิบัติงานให้ลูกจ้างทุกคนก่อนที่จะเข้าทำงาน เปลี่ยนงาน หรือเปลี่ยนสถานที่ทำงาน และมาตรา 16 ไม่ได้จัดให้ลูกจ้างได้รับการฝึกอบรมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ซึ่งความผิดดังกล่าวจะมีโทษปรับไม่เกิน 50,000 บาท ถึงปรับไม่เกิน 2 แสนบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฐานความผิดนั้น ๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายจ้างตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
นายอภิญญา กล่าวต่อว่า เพื่อป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นทั้งร่างกายและทรัพย์สิน และป้องกันประสบอันตรายจากการทำงานได้สั่งการให้พนักงานตรวจความปลอดภัยเข้าไปตรวจสอบสถานประกอบกิจการที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะในสถานที่ก่อสร้างที่มีการใช้เครนหรือนั่งร้าน รวมทั้งประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) คณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานเพื่อให้มีการปกิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานอย่างเคร่งครัด
กสร. เชิญชวนเสนอชื่อเป็นสถานประกอบกิจการดีเด่นฯ ประจำปี 2563
……………………………
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เชิญชวนสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไป เสนอชื่อเป็นสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2563 หมดเขต 30 มกราคม 2563
นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้จัดให้มีโครงการส่งเสริมสถานประกอบกิจการให้มีระบบบริหารจัดการที่ดีด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานขึ้นเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการส่งเสริมและจูงใจให้นายจ้าง ลูกจ้างได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการบริหารจัดการด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงานที่ดี ร่วมมือกันในฐานะหุ้นส่วนเพื่อสร้างและพัฒนาระบบแรงงานสัมพันธ์ ระบบสวัสดิการแรงงานที่ได้มาตรฐานให้เกิดขึ้นในสถานประกอบกิจการและเป็นต้นแบบที่ดีให้กับสถานประกอบกิจการอื่น ๆ ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการพัฒนาคุณภาพชีวิตลูกจ้าง และส่งผลดีต่อผลผลิตและธุรกิจของผู้ประกอบการ ตลอดจนส่งเสริมให้นายจ้าง ลูกจ้างสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างสันติสุข กสร.จึงขอเชิญชวนสถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 50 คนขึ้นไปร่วมเสนอชื่อเป็นสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2563
นายอภิญญา กล่าวต่อว่า สถานประกอบกิจการที่สนใจ สามารถขอแบบเสนอชื่อได้ที่ สำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกรุงเทพมหานครพื้นที่ และสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัด ณ พื้นที่ตั้งของสถานประกอบกิจการตั้งอยู่หรือดาวน์โหลดได้ที่ http://relation.labour.go.th โดยต้องนำเสนอผลงานทั้งด้านแรงงานสัมพันธ์และด้านสวัสดิการแรงงานที่ปฏิบัติในปี พ.ศ. 2562 ให้เป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน และส่งแบบเสนอชื่อเพื่อรับการคัดเลือกได้ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 มกราคม 2563 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ สำนักแรงงานสัมพันธ์ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน โทรศัพท์ 0 2246 2118, 0 2643 4471 และ 081 837 5916
อธิบดีกสร. เปิดอบรม “กฎหมายแรงงานที่นายจ้าง ลูกจ้างต้องรู้” รุ่น 1
…………………………………………………………………………………………………………………
อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เปิดอบรมหลักสูตร “กฎหมายแรงงานที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้ รุ่นที่ 1” เพื่อให้นายจ้างลูกจ้างเข้าใจสิทธิ หน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน มุ่งสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน พร้อมเผยเตรียมเปิดอีกหลายหลักสูตร
เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2562 นายอภิญญา สุจริตตานันท์ อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) เป็นประธานเปิดการอบรมหลักสูตรกฎหมายแรงงานที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้ รุ่นที่ 1 ซึ่งจัดโดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ณ โรงแรม เอส รัชดา โดยได้กล่าวว่า การสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ของนายจ้าง ลูกจ้างตามที่กฎหมายกำหนดถือเป็นภารกิจสำคัญประการหนึ่งของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานและ ถือเป็นหน้าที่ที่นายจ้าง ลูกจ้างที่จะต้องรู้และปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายที่สำคัญ ได้แก่ กฎหมายคุ้มครองแรงงานซึ่งเกี่ยวข้องกับสภาพการจ้าง การทำงาน กฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน และกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ รวมถึงแรงงานสัมพันธ์ในระบบทวิภาคีที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะส่งผลให้ทั้งสองฝ่าย อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข สำหรับการอบรมหลักสูตรกฎหมายแรงงานที่นายจ้าง-ลูกจ้างต้องรู้ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรมเข้าใจสิทธิ หน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน และมุ่งหวังให้ปฏิบัติต่อกันอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวเป็นหลักสูตรแรกของปีงบประมาณ 2563 และเปิดโอกาสให้นายจ้าง ลูกจ้าง ได้เข้ารับการอบรม จำนวน 80 คน ใช้เวลาในการอบรม 3 วัน ซึ่งหลักสูตรดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อนายจ้างลูกจ้างเป็นอย่างยิ่ง
นายอภิญญา กล่าวต่อไปว่า ตลอดทั้งปีงบประมาณ 2563 นี้ กสร. ได้เตรียมหลักสูตรอบรมอื่น ๆ อีกมากมายให้แก่นายจ้าง ลูกจ้าง อาทิ หลักสูตรเทคนิคและศิลปะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรผู้ตรวจติดตามภายในมาตรฐานแรงงานไทย (TLS 8001 - 2010) หลักสูตรภาวะผู้นำทางการบริหารองค์กรในยุค 4.0 และ คดีแรงงานกับการบริหารจัดการที่ดี เป็นต้น ทั้งนี้ สามารถสอบถามวันเปิดรับสมัครและรายละเอียดอื่น ๆ ได้ที่ เว็บไซต์ http://tls.labour.go.th เมนูหลัก: ฝึกอบรมทรัพยากรแรงงาน หรือ โทรศัพท์ 0 2245 1371-2